ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมะนาว มะนาว เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินซี แต่เมื่อเลือกใช้แล้ว สาวๆ ก็ต้องคอยระวังในการใช้มะนาวกับใบหน้าด้วยเช่นกัน เพราะมะนาว ก็มีกรดอยู่เหมือนกัน อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิว ในการเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินจากมะนาวนั้น สาวๆ ต้องลองจนแน่ใจก่อนว่า เราจะไม่แพ้มัน เนื่องจากจะยิ่งทำให้การรักษาแผลเป็นจากสิวของเราไม่บรรลุผล อาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากการแพ้ เพิ่มขึ้นอีกด้วยนะคะ 4. การขัดผิว การขัดผิว จะช่วยในเรื่องการเติบโตของเซลล์ผิว และลดรอยแผลเป็นได้อีกด้วย แต่สาวๆ ไม่ควรจะทำบ่อยจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผิวหน้าบาง ส่งผลต่อการรับสภาพอากาศ และ เกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้น จำนวนการขัดหน้าควรอยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และไม่ควรนำผลิตภัณฑ์สำหรับการขัดผิวกาย มาขัดหน้าโดยเด็ดขาด 5. ครีมบำรุง ครีมลดรอยแผลเป็น ครีมบำรุง หรือ ครีมลดรอยแผลเป็น สำคัญอย่างมากในการรักษาแผลเป็นนี้ ผิวหน้าควรได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และมันสำคัญมากกว่าผิวกายเสียอีก ด้วยความบอบบางของผิวบนใบหน้านั้น ทำให้เราต้องพิถีพิถัน เลือกสรรครีมที่ดีที่สุด และเหมาะกับผิวหน้าของเรามากที่สุด สาวๆ อย่างเราควรมีครีมลูกรักไว้ เป็นไอเทมในใจ เพื่อผิวหน้าที่ไร้แผลเป็น ไร้สิว และอ่อนเยาว์อยู่เสมอ 6.
สวัสดีค่าาา สาว SistaCafe ที่อยากหน้าใส! เป็นปัญหาโลกแตกจริงๆ สำหรับวัยรุ่นไทย หรือวัยรุ่นชาติไหนก็ตามกับเรื่อง ' สิวๆ ' ด้วยฮอร์โมนตามวัย พันธุกรรม และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย จากผิวเรียบๆ ก็มีสิวผุดขึ้นมาซะงั้น รักษากันแทบตาย โบกครีมวนไปเป็นเดือนๆ สรุปปล่อยรอยสิวทิ้งไว้ให้ช้ำใจเล่น ทำยังไงก็ไม่หาย พระเจ้าลงโทษที่แท้ทรู T___T อย่าเพิ่งร้องไห้กันไปค่ะซิส! เพราะวันนี้ เรามี 9 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ' รอยแผลเป็นจากสิว ' ที่สาวๆ ควรเตรียมตัวรับมือ ไม่ว่าตอนนี้เธอจะเพิ่งมีสิว ( ที่น่าจะทิ้งรอยไว้แน่ๆ) หรือมีรอยสิวแล้วก็ตาม รับรองว่าอ่านจบจะได้ไอเดียไปรักษาอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล้ย! 1. รอยสิว เป็น ' ขั้นตอนหนึ่งในการรักษาตัวเอง ' ของร่างกาย คงจะดีมากก ถ้าเวลาสิวหายเมื่อไหร่ ผิวก็กลับมาเรียบเนียนใสเหมือนก้นเด็กทันที แต่เป็นไปไม่ได้ค่ะซิส! เวลาผิวหน้าเกิดสิว นั่นหมายถึงผิวบริเวณนั้น ต่อมไขมันมีความผิดปกติ เกิดการอักเสบ ดังนั้นผิวของเราจะทำการเยียวยาตัวเองตามธรรมชาติ ทำให้ทิ้งรอยสิวเอาไว้ ไม่ว่าเราจะพยายามรักษาสิวนั้นหรือไม่ก็ตาม ' รอยแผลเป็นจากสิว ' เกิกจากการคอลลาเจนและเนื้อเยื่ออีลาสตินบนผิวก่อตัวได้ขาดๆ เกินๆ เพราะมีสิวอักเสบบริเวณนั้น หากเกิดตุ่มสิว ยังไงก็ต้องรอเวลาสักพัก กว่ารอยจะจางหายไปเองค่ะ 2. '
รอยสิว ' กับ ' รอยแดง' ไม่เหมือนกัน รอยสิว ( Acne Scars) กับรอยแดง ( Acne Marks) ไม่เหมือนกันค่ะซิส รอยสิวจะเป็นรอยแหว่งๆ ผิดรูปในผิวหนัง จากสิวอักเสบรุนแรงเหมือนเวลาเป็นอีสุกอีใส แต่รอยแดงจะเป็นจุดๆ สีแดงหรือสีน้ำตาล บนผิวหนังที่ยังมีความนุ่มอยู่ ซึ่งสามารถจางไปได้เองตามกาลเวลา เอาง่ายๆ คือ รอยแดงคือการที่หัวสิวออกไปแล้ว แต่ยังมีความแดงๆ อยู่ ซึ่งไม่นานจะจางหายไป แต่รอยสิวคือการที่ผิวบริเวณนั้นเสียโครงสร้างของอีลาสตินไปแล้ว จึงเกิดรอยขึ้นใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งแน่นอนว่าหายยากกว่า จางช้ากว่าค่ะ 3. ' แสงแดด ' ยิ่งทำให้รอยสิวบวมแดงมากขึ้น! มีบทความบางแห่งบอกว่า หากผิวหน้าบริเวณที่เป็นสิว สัมผัสแสงแดดอ่อนๆ จะช่วยทำให้รอยสิวจางลงได้ ซึ่งไม่จริงเลย หยุดค่ะ #พาหลบเข้าร่ม นอกจากสิวจะไม่หายเพราะแดดแล้ว ยังจะเพิ่มจำนวนขึ้น ตามมาด้วยผิวหมองคล้ำ ผิวลอก บวมแดง แสบร้อนอีกด้วย อึ๋ยยย ไม่ว่าเธอจะมีจุดด่างดำ หรือรอยสิวก็ตาม อยู่ให้ห่างจากแสงแดดไว้จะดีที่สุด ถ้าต้องออกกลางแจ้งก็ทาครีมกันแดด หรือใส่มาส์กปิดไว้ เพื่อไม่ให้สิวอักเสบมากขึ้นค่ะ 4. ถ้ารู้ตัวว่ามีรอยสิวแล้ว รักษาแต่เนิ่นๆ อย่าทิ้งไว้นาน! ถ้าเธอมีสิว เห็นรอยสิวแต่เนิ่นๆ แล้วก็รีบรักษาทันทีค่ะซิส อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ยิ่งรอยสิวอยู่บนผิวนานๆ ยิ่งหายช้า พูดเลย!
ไม่รักษาในทันที สาเหตุที่จะทำให้เกิดรอยแผลเป็น นั่นก็คือ... การไม่รักษา ดูแลให้ทันท่วงที เมื่อสิวหายไป หลงเหลือเพียงรอยแผลเป็นไว้ให้เราดูต่างหน้า ( ซึ่งไม่ได้ต้องการเลย จริงๆ) สิ่งที่เราทำได้ คือ การรักษาให้มันหายไปจากใบหน้าสวยงามนี้ อยากปล่อยทิ้งไว้นาน แม้ร่างกายมนุษย์จะสามารถรักษาตัวเองและเวลาจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว แต่สาวๆ ไม่ควรจะละเลยการรักษาแผลเป็นนั้น ผิวหน้าที่มีรอยแผลเป็น ไม่ได้เป็นผิวที่สาวๆ คนใดต้องการหรอก จริงมั้ย 7.
จริงแท้แน่นอน เมื่อสิวกำเนิดขึ้น มันย่อมหายไปได้ แต่สิ่งที่หลงเหลือไว้... เป็นรอยแผลกวนใจ และรักษายากเย็นเหลือเกิน และเจ้ารอยแผลเป็นจากสิวเนี่ย มันยังเป็นปัญหาหลักๆ สำหรับการแต่งหน้าของสาวๆ อีกด้วยล่ะสิ ไม่ว่าคุณจะหาทางแก้ไขปัญหาจากรอยแผลเป็นจากสิวนี้เท่าไหร่ แต่มันก็ใช้เวลาในการรักษายาวนานเหลือเกิน ทางที่ดีเราควรหาวิธีที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นจะดีกว่าเนอะ ^^ 1. แสงแดดจากพระอาทิตย์ แม้แสงแดดจะไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว แต่เมื่อผิวหน้าของคุณได้รับรังสี UV เป็นเวลานานๆ ย่อมจะส่งเสียกับผิวของคุณอย่างแน่นอน นอกจากจะทำให้รอยแผลเก่าหายช้าแล้ว ยังทำให้เกิดจุดด่างดำบนหน้าอีกด้วย ไม่ว่าใบหน้าของคุณจะมีสิว มีรอยแผลเป็น หรือ ไม่มีก็แล้วแต่ ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรจะลืมทามัน ก่อนออกไป Say Hi กับพระอาทิตย์นะคะ 2. แกะ เกา ผิวหน้า การแกะสิว เป็นสิ่งที่ขอบอกเลยว่า ห้ามเด็ดขาด!!!! แม้มันจะยากจริงๆ แต่สาวๆ ต้องอดทนและคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว นั่นก็คือ... เมื่อสาวๆ แกะมันแล้ว มันจะเกิดเป็นสะเก็ดแผล และเมื่อแกะไปเรื่อยๆ สะเก็ดก็จะเกิดขึ้นมาอีก เป็นการวนลูปที่ไม่จบสิ้นสักที แถมทิ้งรอยแผลเป็น และหลุมสิวไว้อีกด้วยนะคะ 3.
อยากสอบถามสาวๆค่ะ พอดีเราเลเซอร์รอยแดงมาหลายครั้งมากๆแล้ว จนมันจางลง จากที่คนรอบข้างตกใจ ก็เป็นตกใจน้อยลงแบบนี้อะค่ะ แต่ตอนนี้ยังคงมีรอยแดงอยู่ แต่เรารู้สึกอย่างนึงคือว่า เหมือนหลังๆมารอยแดงเริ่มไม่ค่อยจางลงแล้ว เหมือนจะเท่าเดิมอะค่ะ เลยชักจะไม่อยากเลเซอร์แล้วเพราะมันเริ่มไม่เห็นผล เลยอยากถามค่ะว่า ถ้าเราไม่เลเซอร์รอยแดง มันจะหายไปเองไหมคะ และถ้าหายจะหายในกี่เดือนหรอคะ เห็นบางคนบอกว่าถ้าทิ้งไว้รอยแดงจะกลายเป็นรอยดำอีก เรางงไปหมด ไม่รู้จะเอายังไงดี ปล. เราเลเซอร์ไป 6 ครั้งได้แล้วค่ะ Jebanista คุณก็เป็นได้! มีรีวิว หรือ How to อะไรเอามาแชร์กัน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ JEBAN COMMUNITY ได้ง่ายนิดเดียว เริ่มเขียนเลย
ใจร้อน อยากหน้าเนียนไวๆ ก็มโนเอาเองว่า ถ้าขัดผิวบริเวณนั้น รอยสิวอาจจะหายไป เลย ใช้ ' สครับขัดผิวหน้า ' มาทาถูๆ ตรงสิวจนแสบแดงไปหมดก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใด และไม่กระตุ้นให้ผิวส่วนนั้นสร้างอีลาสตินใหม่ให้เรียบเนียนด้วย #นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ยย Y__Y โอเค ยังไงเธอก็ต้องล้างหน้าทุกวัน จะใช้สูตรสครับก็ไม่ผิดอะไร แต่อย่าขัดเอาเป็นเอาตาย ขัดทุกวัน ขัดวนตรงสิวรัวๆ เพราะหน้าจะยิ่งพังค่ะซิส 8. ' น้ำมะนาว ' ไม่ทำให้รอยสิวจางลงนะจ๊ะ จะมีสูตรรักษาสิวบางอันบอกว่า ให้ใช้ ' น้ำมะนาว ' จากผลมะนาวสด จุ่มคอตตอนบัด แล้วนำมาทาที่รอยสิว จะทำให้รอยสิวจางไป เพราะคิดว่ามะนาวมีค่าเป็นกรด น่าจะทำให้ผิวกระจ่างใส ลบรอยได้ ซึ่งตรงนี้ยังไม่มีผลวิจัยยืนยันใดๆ แต่น้ำมะนาวช่วยลดรอยแดง สิวบวมอักเสบได้จริงค่ะ ถ้าอยากลองสูตรนี้ ให้เริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อน เพราะถ้าเทพรวด! ลงไปทีเดียว ผิวอาจเกิดการระคายเคืองได้ ที่สำคัญ อย่าลืมทาครีมกันแดดด้วย เพราะกรดจากมะนาวทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ถ้าเจอแดดจัดอาจมีความแสบไหม้เกิดขึ้นได้ //แค่คิดก็ขนลุกล้าว 9. ถ้าแต้มเจลแล้วไม่หาย ก็ไปคลินิกรักษาเลย! ถ้ารอยสิวของเธอ อยู่ในขั้นหนัก อักเสบเยอะจริงๆ ครีม เจลแต้มสิว หรือวิธีรักษาตามธรรมชาติเอาไม่อยู่ ก็อาจถึงเวลาที่ต้องไปเลเซอร์ค่ะ!
กระทู้คำถาม เราเป็นสิวอักเสบเม็ดใหญ่มาก เม็ดนึงตรงมุมปากเราค่ะ พอมันหายก็เป็นรอยดำ ตลกมาก เหมือนมีไฝเลย TT ทำยังไงให้มันจางไวๆคะ แล้วกี่เดือนรอยดำถึงจะหายสนิท 0 แสดงความคิดเห็น กระทู้ที่คุณอาจสนใจ อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ ความงาม
ทางที่ดีพยายามรักษาตั้งแต่มันยังเป็นสิวปกตินี่แหละ ไม่ว่าจะเจลแต้มสิว ครีมทาสิวทั้งหลาย เพื่อลดการอักเสบของรอยสิวและรอยแดง หากมีความจำเป็นต้องแต่งหน้าทุกวัน ไม่ค่อยได้พักหน้า ก็ทาครีมกันแดดเป็นรองพื้นไว้เสมอ ก่อนนอนก็ล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยนให้สะอาด และใช้เจลแต้มสิวทุกครั้งนะคะ 5. ยิ่งเอามือไปแคะ แกะ เกา รอยสิวยิ่งไม่หาย! กฎพื้นฐานของการรักษาสิวเลยนาจา! แต้มยาแล้วก็ปล่อยให้สิวอยู่เฉยๆ อย่ามือซน ไปแคะ แกะ เกา บีบๆ รอยแดง หวังว่ามันจะหายไป แต่รู้ไหมว่า ยิ่งทำอย่างนี้รอยแดงก็ยิ่งบวมขึ้นเรื่อยๆ จากแดงปกติเป็นแดงช้ำให้คนมองเป็นจุดสนใจ ซ้ำยังจะระคายเคืองกว่าเดิม และเสี่ยงติดเชื้ออีกค่ะซิส สรุปง่ายๆ อย่าเอามือไปยุ่งกับสิว ยกเว้นตอนจะทายา ( ที่ต้องล้างมือให้สะอาดก่อน) จบค่ะ! 6. รอยสิว ไม่ใช่รอยเปื้อน หรือสิ่งสกปรก! รอยสิว ไม่ใช่สะเก็ดสกปรก ที่บีบออกก็หายเหมือนสิวหัวดำ สาวๆ ไม่สามารถเดินไปคลินิก บอกหมอว่า " บีบรอยสิวออกให้หน่อยค่ะ " เพราะมันทำไม่ได้จ้า มันอยู่ใต้ชั้นผิวหนังเด้อ! รอยแดง รอยดำจากสิวก็เช่นกัน ต้องรอให้หายเอง บีบเอาเดี๋ยวนั้นไม่ได้ ต้องรอเวลาหน่อยนะจ๊ะ 7. อย่าใช้ ' สครับขัดรอยสิว ' ยิ่งทำให้หน้าพัง!
เพราะเลเซอร์ผิวหนัง จะทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ซึ่งอาจจะต้องมีการใช้เข็มฉีดส่วนที่เป็นรอยด้วย เพื่อฟื้นฟูผิวส่วนนั้นให้เรียบขึ้น ถ้ามีทุนทรัพย์มากพอและพร้อมรับความเจ็บ ก็ไปโลด! แต่ศึกษาเรื่องผลข้างเคียงให้ดี ( ผิวจะบางและไวต่อแสงมากขึ้นแน่นอน) สกินแคร์ที่ควรใช้หลังทำเลเซอร์ etc. ก่อนไปทำนะคะ จะได้มีผิวสวยไปนานๆ ------------------------ ***อ่านถึงตรงนี้แล้ว อย่าเพิ่งถอนหายใจนะคะซิส!