วันที่ 07 ก. ย. 2559 เวลา 11:01 น.
2549 ต่อมาเมื่อเกิด รัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ. 2549 คณะรัฐประหาร ออกคำสั่งเรียก ให้ยงยุทธและ เนวิน ชิดชอบ ไปรายงานตัว [9] คดีความ [ แก้] การทุจริตเลือกตั้งในฐานะกรรมการบริหารพรรค: เหตุยุบพรรคพลังประชาชน [ แก้] เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ. 2551 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติเห็นชอบให้ยงยุทธเป็น ประธานสภาผู้แทนราษฎร, สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นรองประธานฯ คนที่ 1 และ พันเอก อภิวันท์ วิริยะชัย เป็นรองประธานฯ คนที่ 2 โดยมี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามรับสนอง พระบรมราชโองการ [10] แต่ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปีเดียวกัน ที่ประชุม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) ส่วนกลาง 5 คน ลงมติให้ใบแดงแก่ยงยุทธ ด้วยคะแนนเสียง 3:1 (อีกหนึ่งเสียงที่หายไปคือ สดศรี สัตยธรรม ซึ่งงดออกเสียง) เนื่องจากเรื่องร้องเรียน การทุจริตเลือกตั้ง ที่ จังหวัดเชียงราย ใน การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ. 2550 หลังจากนั้น ยงยุทธก็แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน พ. 2551 หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ศาลฎีกาผู้วินิจฉัยชี้ขาดการทุจริต ส. มีคำวินิจฉัยว่านายยงยุทธ กระทำผิดฝ่าฝืนพรบ.
เผยแพร่: 27 ต. ค.
เลือกตั้ง มาตรา 53 ทำให้การเลือกตั้งส. เชียงรายไม่สุจริต เที่ยงธรรม ศาลรัฐธรรมนูญจึงเห็นว่าการที่นายยงยุทธ เป็นกรรมการบริหารพรรค มีบทบาทสำคัญในพรรค ได้รับยกย่องเป็นรองหัวหน้าและประธานสภา มีหน้าที่ต้องควบคุมดูแลส. แต่กลับกระทำความผิดเสียเอง คุกคามระบอบประชาธิปไตย มีเหตุสมควรให้ยุบพรรคเพื่อไทยเพือเป็นมาตรฐานพฤติกรรมที่ดีงาม ไม่ให้กระทำความผิดขึ้นอีก ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคพลังประชาชนความผิดตามพรบ. เลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต 68-237 วรรค และให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกเป็นเวลา 5 ปี มาตรา 68 วรรค 4 237 วรรค 2 [11] กรณีเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตเลือกตั้งนายกอบจ. เชียงราย [ แก้] ในการเลือกตั้งนายกอบจ. ปี 2557 นางบุศริณธญ์ (ติยะไพรัชน์) วรพัฒนานันน์ พี่สาวยงยุทธ ติยะไพรัช ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อย่างไรก็ตามที่ประชุมกกต. ได้มีมติให้ใบเหลือง จากกรณีถูกร้องเรียนว่า นายวีระเดช สมวรรณ นายอำเภอเมืองเชียงราย ได้ใช้อำนาจหน้าที่ราชการเพื่อช่วยเหลือผู้สมัคร โดยได้ประสานให้ผู้นำท้องถิ่นและฝ่ายปกครองในพื้นที่มาประชุมกัน และให้นายยงยุทธ ติยะไพรัชน์ ในฐานะน้องชายเข้ามาในที่ประชุมและพูดหาเสียงให้แก่นางบุศริณธญ์ สอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองถึงคะแนนนิยมของนางบุศริณธญ์ในลักษณะเหมือนเป็นการบังคับ ขืนใจให้บุคคลที่ถูกซักถามเกิดความเกรงกลัว กกต.
2526 (รุ่นเดียวกับ อภิรักษ์ โกษะโยธิน), ระดับปริญญาโท สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ. 2536 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขา Urban Environmental Management ในปี พ. 2555 จาก สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย [2] การเมือง [ แก้] ยงยุทธ ลงสมัครเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี พ. 2538 ในสังกัด พรรคเอกภาพ โดยการสนับสนุนของ ฉัฐวัสส์ มุตตามระ อดีต ส. ส. เชียงราย, สุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ และบัวสอน ประชามอญ ที่มาอยู่พรรคไทยรักไทยด้วยกัน กระทั่งการเลือกตั้งปี พ. 2539 ยงยุทธเข้าสังกัด พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับชัยชนะใน การเลือกตั้ง ได้รับตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะย้ายมาลงในนาม พรรคไทยรักไทย เมื่อปี พ. 2544 และได้รับการเลือกตั้ง และได้รับตำแหน่งทางการเมือง เริ่มต้นจาก โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม [3] วิพากษ์วิจารณ์ [ แก้] ที่มาฉายา "ยุทธ ตู้เย็น": กรณีปิดล้อมบ้านตา-ยาย บ้านศตะกูรมะ [ แก้] ภาพข่าวนายนิสสัย ศตะกูรมะ กับตู้เย็นที่ถูกยิงจนพรุน ยงยุทธ ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า ยุทธ ตู้เย็น จากกรณีของครอบครัวศตะกูรมะ เมื่อ พ.