สังเกตอาการเจ็บคอขณะกลืนหรืออาการเจ็บหน้าอก นอกจากอาการแสบร้อนกลางทรวงอกแล้ว สัญญาณของแผลที่หลอดอาหารได้แก่: [9] ปวดท้อง น้ำหนักลด อาเจียนเป็นเลือด เข้ารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยแผลที่หลอดอาหาร. ถ้าคุณมีสัญญาณของแผลที่หลอดอาหาร ให้ติดต่อแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจ แพทย์จะตรวจร่างกายและตรวจหลอดอาหารที่อยู่ภายใน คุณต้องตรวจเลือดด้วยเพื่อดูว่าคุณติดเชื้อที่หลอดอาหารหรือเปล่า ในการตรวจดูหลอดอาหารที่อยู่ภายในนั้น แพทย์อาจจะเอ็กซเรย์หรือส่องกล้องเพื่อตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น ระหว่างการส่องกล้องนั้น แพทย์จะสอดหลอดเรียวๆ ที่มีกล้องติดอยู่ลงไปในหลอดอาหารเพื่อดูว่าแผลอยู่ตรงไหน รับประทานยาเพื่อรักษากรดหรือการติดเชื้อที่ทำให้เป็นแผล. ถ้าแผลที่หลอดอาหารเกิดจากการติดเชื้อ คุณก็ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ แต่ถ้าแผลเกิดจากกรดไหลย้อน ก็ต้องปรึกษาแพทย์เรื่องการลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร แพทย์อาจจะแนะนำ: [10] ยายับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ยาลดกรด ยาในกลุ่มยับยั้งตัวรับเอช ทู ตรวจติดตามกับแพทย์หลังจากผ่านไป 2-3 สัปดาห์. คุณต้องรับประทานยาอยู่หลายสัปดาห์กว่ายาจะรักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลในลำคอได้ คุณต้องตรวจติดตามกับแพทย์หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์หรือ 2-3 เดือนเพื่อให้แน่ใจว่าแผลหายแล้ว [11] แพทย์อาจจะส่องกล้องเพื่อตรวจทางเดินอาหารส่วนต้นอีกครั้งเพื่อหาตำแหน่งของแผล 5 งดดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่.
ตอนแรกฟันคุดผมขึ้นครับ มีอาการเจ็บคอนิดก็ไม่คิดอะไรเพราะฟันคุดกำลังขึ้น แต่พอประมาน 3วัน ก็รู้สึกเจ็บๆที่คอ เลยลองเอาไฟส่องลำคอดู เลยเห็นว่าเป็นร้อนใน แผลใหญ่มากคับ ตอนนี้กินอะไรก็ไม่ได้ ขนาดน้ำเปล่า ยังกลืนไม่ได้เลย ตอนนี่ ก็กินยา แก้ปวดเม็ดสีชมพู&ยาแก้อักเสบ อยู่คับ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ใครพอมีวิธี ที่ทำให้แผลร้อนในหายเร็วกว่านี้ไหมครับ. ขอบคุณล่วงหน้าครับ แสดงความคิดเห็น
วันที่ 19 เม. ย. 2557 เวลา 14:49 น. โดย... ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน ความทุรนทุรายแสบร้อนทรมานบริเวณทรวงอก ประกอบกับอาการปวดท้อง เสียดช่องท้องส่วนบน เรอเปรี้ยว หรือมีรสขมในปาก เชื่อว่าหลายคนเคยประสบ บางคนคุ้นชินและอยู่กับมันมาเป็นเวลายาวนาน นี่คือสัญญาณของโรคกรดไหลย้อน เป็นการไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมายังหลอดอาหาร แล้วยังไง?
ผู้ป่วยมีภาวะกรดไหลย้อนบ้างในบางครั้ง เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง แล้วก็หายไป ไม่มีผลต่อสุขภาพมากมาย 2. ผู้ป่วยจะมีอาการกรดไหลย้อนขึ้นมาเฉพาะที่บริเวณหลอดอาหาร 3. ผู้ป่วยมีกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมาก จนไหลขึ้นไปถึงกล่องเสียงหรือหลอดลม สาเหตุของการเกิดโรค นอกจากจะเกิดจากความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหาร หรือความผิดปกติในการบีบตัวของหลอดอาหารในตัวผู้ป่วยเองแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นเสริมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การนอนหลังจากรับประทานอาหารไม่ถึง 4 ชั่วโมง หรือการสูบบุหรี่ ดื่มสุราเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม การรับประทานอาหารประเภท ของทอด ของมัน หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด หรือแม้แต่การเกิดโรค Hiatus hernia คือโรคที่เกิดจากกระเพาะอาหารส่วนต้น ยื่นเข้าไปกะบังลม อาการของกรดไหลย้อน แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. กรดไหลย้อนที่เกิดในหลอดอาหาร จะมีอาการเจ็บคอ กลืนลำบาก รู้สึกเหมือนมีก้อนอยู่ในลำคอ แสบลิ้นเรื้อรัง จุกแน่นแถวๆ หน้าอกคล้ายอาหารไม่ย่อย อาการนี้มักจะเป็นมากขึ้นหลังอาหารมื้อหลัก การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนัก หรือการนอนหงาย ที่สำคัญ คือ จะมีอาการแสบหน้าอก เรอเปรี้ยว รู้สึกเหมือนมีกรดซึ่งเป็นน้ำรสเปรี้ยว หรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก ภาวะดังกล่าวนี้อาจทำให้เกิดหลอดอาหารอักเสบ ถ้าเป็นมากจนเกิดแผลรุนแรง อาจทำให้หลอดอาหารตีบหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเยื่อบุอาหารได้ 2.
เพื่อป้องกันไม่ให้ลำคออักเสบและระคายเคือง พยายามลดหรืองดสูบบุหรี่และเคี้ยวยาสูบ นอกจากนี้ก็มีการพิสูจน์แล้วว่า แอลกอฮอล์ทำให้ลำคอที่อยู่ในช่วงไวต่อการสัมผัสเกิดการระคายเคือง [3] ถ้าคุณไม่อยากเลิกสูบบุหรี่ ก็ให้งดชั่วคราวจนกว่าแผลในลำคอจะหาย 8 สังเกตสัญญาณของแผลในลำคอ. เนื่องจากว่าแผลในลำคออาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ คุณก็อาจจะมีอาการต่างๆ มากมาย ถ้าคุณมีแผลในลำคอหรืออาการของปัญหาอื่นๆ คุณก็อาจจะรู้สึกเหมือนมีก้อนอยู่ในลำคอ หรือคุณอาจจะรู้สึกเหมือนอยากไอออกมาเพื่อให้โล่งคอ และอาจจะมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย: [4] มีแผลเปิดหรือแผลตรงเพดานอ่อนหรือเพดานแข็ง เจ็บคอ รู้สึกเจ็บขณะรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ มีไข้และหนาวสั่น ปวดข้อ กลืนยากหรือรับประทานอาหารลำบาก แสบร้อนกลางทรวงอกหรือเจ็บหน้าอก มีกลิ่นปาก คลื่นไส้หรืออาเจียน 9 เข้ารับการตรวจ. ถ้าคุณคิดว่าคุณน่าจะมีแผลในลำคอและไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 วัน ให้ไปพบแพทย์ แพทย์จะตรวจร่างกายและลำคอ และอาจจะใช้ไม้ป้ายคอเพื่อตรวจหาแบคทีเรียและตรวจเลือดหรือปัสสาวะ และอาจจะสั่งตรวจด้วยภาพถ่ายเพื่อหาแผลที่อยู่ในลำคอ [5] คุณต้องเข้ารับการตรวจเพราะแผลในลำคออาจเกิดจากปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่และต้องได้รับการรักษา 10 ปรึกษาแพทย์เรื่องสาเหตุของแผลในลำคอ.
มีอาการเย็นในลำคอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ เย็นเหมือนหลังแปรงฟันใหม่ๆ หรือเหมือนทานมิ้นต์เข้าไป ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไรคะ | HD สุขภาพดี เริ่มต้นที่นี่ January 24, 2020 20:08 คำถามด่วน 3 1 คนเห็นว่าคำถามนี้มีประโยชน์ คุณเห็นว่าคำถามนี้มีประโยชน์หรือไม่ เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด ได้ที่นี่ เราใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด คุณสามารถดูสรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและการใช้คุกกี้ อ่านนโยบายที่นี่
ไม่สวมเสื้อผ้าที่คับแน่นมากเกินไป เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่รัดแน่นแถวท้อง เช่นเข็มขัดแน่นๆ หรือสายรัดเอวอาจบีบกระเพาะ และบีบให้อาหารผ่านหูรูดอาหารส่วนล่างขึ้นมาได้ ทำให้อาหารในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารได้ 7. หลีกเลี่ยงความเครียด เนื่องจากความเครียดจะเป็นตัวกระตุ้นให้กรดในกระเพาะผลิตออกมาเพิ่มขึ้น 8. ขณะที่ท้องว่างไม่ควรดื่มนมทุกชนิด เนื่องจากนมจะไปเคลือบผนังกระเพาะอาหารทำให้กรดทำงานได้ลดลง เป็นผลให้มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ง่ายขึ้น สามารถปรึกษากับพวกเรา Poonrada Yathai ได้เสมอนะคะ (ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ) LINE ID: @Poonrada TEL: 086-955-6366, 091-546-9415 ทีมแพทย์แผนไทยปุณรดา สุรดา เลิศเกศราธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร "สมุนไพร คือ ของขวัญจากธรรมชาติ เราจึงตั้งใจมอบสมุนไพรที่ดีที่สุด ให้ถึงมือคุณ" พท. ป. อารียา อิ่มพิน แพทย์แผนไทยประยุกต์ "การมีสุขภาพดี คือ ความสุขและคุณค่าแท้ ที่หาได้จากธรรมชาติ" ปุณรดา ยาไทย แพทย์แผนไทยที่อยู่ใกล้คุณที่สุด ท่านจะได้รับทราบโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครทาง [email protected] พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์แบบส่วนตัวฟรี ทุกวันตั้งแต่เวลา 8. 00-22. 00 น.
แผลในลำคอมักทำให้รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้ออยู่ในลำคอและเจ็บเวลากลืน แต่ถึงมันจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัว แต่นันก็รักษาหายได้! แผลในลำคออาจเกิดจากอาการบาดเจ็บ การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้อไวรัส หรือการรักษาโรคมะเร็ง แพทย์ต้องระบุหาสาเหตุให้ได้เพื่อที่จะได้รักษาคุณได้อย่างถูกต้อง หลังจากตรวจแล้ว แพทย์ก็อาจจะจ่ายยาเพื่อรักษาแผลในลำคอและทำให้เจ็บน้อยลง ซึ่งวิธีการรักษาก็จะขึ้นอยู่กับว่าอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลในลำคอ วิธีการ 1 ของ 2: บรรเทาและรักษาแผลในลำคอ 1 รับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป. เลือกยาที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เช่น อะเซตามีโนเฟน รับประทานตามคำแนะนำของผู้ผลิตและแจ้งแพทย์ว่าคุณรับประทานยาแก้ปวด เพื่อไม่ให้ยาตีกันกับยาของแพทย์ [1] ยาแก้ปวดช่วยบรรเทาความเจ็บของแผลในระยะแรกได้ 2 กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ. เพื่อบรรเทาความเจ็บและความไม่สบายตัวที่เกิดจากแผลในลำคอ ให้คุณทำน้ำเกลือโดยการผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา และน้ำอุ่น 4 ถ้วยเข้าด้วยกัน กลั้วส่วนผสมในลำคออย่างน้อย 30 วินาทีแล้วบ้วนออกมา คุณจะกลั้วน้ำเกลือบ่อยแค่ไหนก็ได้ เช่น ถ้าในลำคอมีหลายแผล คุณก็อาจจะกลั้วทุกๆ 1-2 ชั่วโมง 3 เปลี่ยนมารับประทานอาหารเหลวรสอ่อน.
วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้แผลในลำคอยิ่งระคายเคืองและแย่ลง แทนที่จะรับประทานของกรอบๆ ที่ยิ่งไปครูดกับลำคอ หรืออาหารรสเผ็ดที่ทำให้คอระคายเคือง ให้เปลี่ยนมารับประทานอาหารเหลวที่กลืนง่าย เช่น ซุป มิลค์เชค หรือไข่ต้มยางมะตูม ถ้าแผลทำให้ลำคอไวต่อความร้อนมากขึ้น ให้รับประทานอาหารอุ่นหรือเย็นแทนอาหารร้อนๆ 4 หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อนๆ. เครื่องดื่มร้อนๆ จะทำให้แผลระคายเคืองและทำให้ยิ่งเจ็บคอมากกว่าเดิม นอกจากนี้เครื่องดื่มร้อนๆ ยังทำให้แผลหายช้าด้วยเพราะมันจะยิ่งทำให้แผลแย่กว่าเดิม ดังนั้นให้เปลี่ยนไปดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ ที่ช่วยให้เจ็บแผลน้อยลงแทน เช่น ตอนเช้าคุณอาจจะดื่มชาอุ่นๆ แทนกาแฟ 5 งดคาเฟอีนและอาหารที่ทำให้ระคายเคือง. แย่หน่อยที่คาเฟอีน ช็อกโกแลต มินต์ ผลไม้ตระกูลส้ม และเครื่องเทศรสเผ็ดทำให้แผลในลำคอแย่ลง แต่ก็ยังดีที่อาหารเหล่านี้เลี่ยงได้ไม่ยาก แค่งดรับประทานจนกว่าแผลจะหายดี รอจนกว่าแผลในลำคอจะหายแล้วค่อยกลับไปรับประทานใหม่ เพราะมันอาจจะทำให้แผลในลำคอแย่ลงได้ 6 แปรงฟันและลิ้นอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง. ถ้าแผลในลำคอทำให้มีกลิ่นปากหรือเป็นแผลที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ให้แปรงฟันนานกว่าเดิมเล็กน้อย อย่าลืมแปรงลิ้นด้วยเพื่อกำจัดแบคทีเรียที่ติดอยู่ระหว่างปุ่มรับรส [2] ถ้าคุณกังวลเรื่องกลิ่นปาก ให้แปรงฟันมากกว่าวันละ 2 ครั้ง 7 งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์.
กรดไหลย้อนนอกหลอดอาหาร จะมีเสียงแหบเรื้อรัง มักมีเสียงแหบตอนเช้า หรือมีเสียงผิดปกติไปจากเดิม ไอเรื้อรัง รู้สึกสำลักในเวลากลางคืน หรือในบางรายอาจมีอาการทางระบบหายใจ เช่น หอบหืด หรืออาการเจ็บหน้าอกได้ สำหรับแนวทางการรักษา นอกจากควบคุมพฤติกรรมรับประทานอาหารแล้ว ควรเลี่ยงการนอนตะแคงขวา เพราะท่านี้จะทำให้กระเพาะอยู่เหนือหลอดอาหารอาจทำให้อาการกำเริบได้ นอกจากนี้ ควรนอนหัวให้สูงประมาณ 610 นิ้ว โดยหนุนที่ขาเตียง ไม่ควรใช้หมอนหนุนที่ศีรษะ เพราะทำให้ความดันในช่องท้องสูง ที่สำคัญที่สุด คือ การเดินทางไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี