Faii_Natnista 6 มีนาคม 2558 ( 14:01) มาแก้ผ้ากันดีกว่าค่ะสาวๆ!! อย่าเพิ่งตกใจกันไปค่ะ เพราะเราไม่ได้จะชวนสาวๆ มาโป๊เปลือยหรือทำอนาจารใดๆ ทั้งนั้น แต่วันนี้เราจะชวนสาวๆ มานอนแบบโป๊ๆ นั่นเอง เพราะประโยชน์ที่ได้จากการนอนแก้ผ้ามันมากกว่าแค่คำว่า สบาย ซะอีกนะคะสาวสาวว 1. นอนหลับได้ดีขึ้น นี่เป็นเรื่องจริงค่ะสาวๆ เพราะจากการรายงานของ The American Academy of Sleep Medicine พบว่า ในเวลากลางคืนขณะที่เรานอนนั้น อุณหภูมิของร่างกายของเราจะลดลง ซึ่งจะทำให้เราหลับลึกขึ้น ฉะนั้นการใส่เสื้อหรือชุดนอนนั้น จะเป็นการรบกวนกระบวนการปรับลดอุณหภูมิของร่างกายตามธรรมชาติ และรบกวนการนอนอีกด้วย ซึ่งหากร่างกายของเราถูกรบกวนในเรื่องการลดอุณหภูมิ ก็จะทำให้หลับยากขึ้นนั่นเอง 2. ยิ่งโปร่ง ยิ่งดีต่อน้องสาว Jennifer Landa ผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Sex Drive Solution for Women บอกไว้ว่า การนอนหลับแบบที่ไม่ใส่อะไรเลย จะดีต่อจุดซ่อนเร้นของสาวๆ อย่างมาก เพราะอย่างที่เรารู้ๆ กันค่ะว่า ส่วนนั้นจะชื้นได้ง่ายมาก และยิ่งชื้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียได้ง่ายเช่นกัน ฉะนั้นการไม่ใส่ชุดนอนจะช่วยให้เกิดการระบายอากาศได้มากที่สุดและดีต่อน้องสาวของเรานั่นเอง 3.
ไม่บอกก็รู้ - JORJOEY ( Cover Instrumental) - YouTube
รู้สึกเซ็กซี่กว่าเดิม เพิ่มความมั่นใจ โดยเฉพาะถ้าสาวคนไหนมีแฟนหนุ่มนอนอยู่ข้างๆ ด้วยแล้วล่ะก็ การที่คุณนอนโดยที่ไม่ใส่อะไรเลยนั้น จะทำให้คุณทั้งคู่รู้สึกเซ็กซี่มากกว่าเดิมในยามเช้าจริงๆ ค่ะ ซึ่งการที่คุณรู้สึกว่าตัวเองเซ็กซี่มากขึ้นนี้ จะทำให้คุณเกิดความรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แถมยังรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นอีกด้วย 4. ลดขนาดหน้าท้อง! ใครที่กำลังลดความอ้วนฟังให้ดีเลยค่ะ เพราะจากรายงานที่ตีพิมพ์ใน the Huffington Post เค้าพบว่า ในระหว่างที่ร่างกายเราปรับลดอุณหภูมิลงในตอนกลางคืนนั้น ในขณะเดียวกันร่างกายเราก็จะเพิ่ม Growth Hormone หรือฮอร์โมนเจริญเติบโต และปรับลดฮอร์โมนคอร์ติซอลลง ทำให้เราหลับได้ดีมากขึ้น ซึ่งถ้าร่างกายของเราถูกรบกวนการนอนจากชุดนอนนั้น จะทำให้คอร์ติซอลถูกผลิตออกมามากขึ้นกว่าปกติ และจะทำให้คุณอยากอาหารและกินมากขึ้นนั่นเอง 5. มีเพศสัมพันธ์มากขึ้น อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะสาวๆ เพราะการเพศสัมพันธ์มากขึ้น นั่นถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งค่ะ เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้คุณและคู่รักใกล้ชิดและรักกันมากกว่าเดิม ซึ่งสาเหตุก็มาจากการหลั่งของฮอร์โมนออกซีโตซินนั่นเองค่ะ ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น และเครียดน้อยลงค่ะ 6.
Skip to content เรื่องเสียว ลองของซิง จะรู้ว่าฟิตแค่ไหน เข้าเรื่องเลยละกัน ส้มนะ สมเรียน ม.
"นักเรียน(หลายๆคน)ควรเก็บคำถามของพวกเขาไว้ถามตอนจบ" ข้อสังเกตคือ พอใช้ "their" แล้ว เราเลยเปลี่ยนจากเอกพจน์เป็นพหูพจน์ นั่นคือเปลี่ยนจาก "Each student" เป็น "Students" Source: Stackexchange
STAMP: ถ้าเธอไม่รู้สึก [Official Audio] - YouTube
บ่อยครั้งที่ในภาษาอังกฤษเราต้องการคำที่เป็นเพศกลางๆ (ไม่ต้องการระบุเพศ) และเป็นปัญหาขึ้น เพราะไม่รู้จะใช้คำอะไรดี เช่น "จะรู้ได้ยังไงว่า เค้า ชอบคุณ" ในประโยคนี้ ถ้าเราจะแปล เราจะแปลว่าอะไรดีครับ ระหว่าง 1. "How to determine if he likes you? " ซึ่งแปลว่า "จะรู้ได้ยังไงว่า เขา ชอบคุณ" หรือ 2. "How to determine if she likes you? " ซึ่งแปลว่า "จะรู้ได้ยังไงว่า เธอ ชอบคุณ" จะเห็นว่าคำแปลทั้งแบบ 1 และ 2 มันไม่เวิร์ค เพราะเป็นการระบุเพศ "เขา" หรือ "เธอ" แต่ในที่นี้เราไม่ต้องการระบุเพศ เราต้องการใช้คำว่า "เค้า" ซึ่ง จริงๆแล้ว ไม่มีคำนี้ในภาษาอังกฤษ (อย่างน้อยก็ยังไม่มีในตอนนี้) นั่นคือ ไม่มีคำสรรพนามที่เป็นเพศกลางในภาษาอังกฤษนั่นเอง และมันก็เป็นปัญหาสำหรับเจ้าของภาษาเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อน ถ้าเกิดเคสนี้ คำว่า "he" จะถูกใช้แทนคำเพศกลาง แต่ปัจจุบันคนมีความใส่ใจเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศมากขึ้น เลยทำให้เกิดประเด็นนี้ขึ้นมา วิธีการแก้ไขเมื่อเจอเคสนี้ มีดังนี้ 1. ให้ใช้ they (และพวกพ้องของมัน เช่น their, them) เป็นคำสรรพนามที่เป็นเพศกลาง 2. ให้ใช้ one (ที่แปลว่า "คนๆหนึ่ง") เป็นคำสรรพนามที่เป็นเพศกลาง 3.
ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำในตอนเช้า แน่นอนว่าสิ่งที่สาวๆ หลายคนเบื่อมากที่สุดในตอนเช้า นั่นก็คือ การอาบน้ำนั่นเอง เพราะนั่นทำให้คุณต้องตื่นเช้ากว่าเดิมมากถึง 20-30 นาทีเชียวล่ะ ซึ่งถ้าเราไม่ใส่ชุดนอนในยามนอนแล้วล่ะก็ เป็นไปได้ว่าเหงื่อของเราก็จะออกน้อยลง สบายตัวยามตื่น แถมผมก็ไม่มันจากเหงื่อออกอีกด้วย 7. ชีวิตสะดวกขึ้น! ในวันที่กลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ ใครๆ ก็อยากจะอาบน้ำแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงซะเดี๋ยวนั้นกันทั้งนั้นล่ะค่ะ ทำไมจะต้องมานั่งสวมชุดนอนให้วุ่นวาย แม้ว่านั่นอาจจะดูเหมือนคนขี้เกียจไปสักนิ้ดด แต่บางทีมันก็ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แถมสบายขึ้นจริงๆ นะเออ! ขอบคุณข้อมูลจาก ติดตาม ได้อีกช่องทางที่ FB: Women Society we are women's best friend คลิกที่
ให้ใช้ he or she / his or her ถ้าใช้วิธีแก้ไข 3 ข้อที่กล่าวมา จะได้ดังนี้ 1. "How to determine if they like you? " แปลว่า "จะรู้ได้อย่างไรว่า(พวก)เขาชอบคุณ" จะเห็นว่าถ้าใช้ they แล้วความหมายมันจะกำกวม คนอ่านจะงงว่า "คนที่จะมาชอบคุณ" นั้นสรุปมีหลายคนหรือมีคนเดียว เพราะฉะนั้น they จึงไม่เหมาะกับประโยคนี้ ให้ลองดูวิธีแก้ตัวอื่น 2. "How to determine if one likes you? " แปลว่า "จะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆหนึ่งชอบคุณ" ความหมายนั้นไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ก็ต่างกันเพียงเล็กน้อย ถือว่ายังใช้ได้ 3. "How to determine if he or she likes you? " แปลว่า "จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาหรือเธอชอบคุณ" อาจจะฟังดูเป็นทางการไปนิดนึง แต่โดยรวมก็สามารถสื่อความหมายได้ ในประโยคก่อนหน้า เราไม่สามารถใช้ they ได้ ผมเลยจะยกตัวอย่างประโยคที่สามารถใช้ they ได้มาให้ดูครับ "นักเรียนแต่ละคนควรจะเก็บคำถาม ของตัวเอง ไว้ถามหลังอาจารย์สอนจบ" เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษจะได้ว่า "Each student should save his or her questions until the end. " จะเห็นได้ว่า คำว่า "ของตัวเอง" นั้นถูกแปลเป็น "his or her" เพราะว่าถ้าใช้ "his" คำเดียว มันจะแปลว่า "ของเขา"(ไม่ใช่ของเธอ) หรือถ้าใช้ "her" คำเดียว มันจะแปลว่า "ของเธอ"(ไม่ใช่ของเขา) แต่ทีนี้ ถ้าใช้ "his or her" มันจะฟังดูเป็นทางการ เราสามารถทำให้มันซอฟท์ลงด้วยการใช้ they "Students should save their questions until the end. "