องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เขียนรายงานเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความรุนแรงในผู้หญิงช่วงการระบาดของโควิด-19 ว่า รัฐและผู้กำหนดนโยบายจำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความรุนแรงในครอบครัวที่จะเกิดขึ้น มีหน่วยบริการที่คอยช่วยเหลือรับเรื่องร้องเรียนของประชาชน ซึ่งคนในสังคมควรตระหนักถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว และผู้ที่ถูกกระทำเองควรติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ
การหย่าร้าง สามีภรรยาที่ใช้ความรุนแรงต่อกัน อาจเกิดการหย่าร้างกันได้ ๔. การทำร้ายผู้สูงอายุ เป็นการทำร้ายโดยตรงทางร่างกายจิตใจ ตลอดจนการทอดทิ้งไม่สนใจเรื่องความเป็นอยู่หรือปล่อยให้อยู่เองตามยถากรรม ซึ่งมักพบในสังคมปัจจุบัน ๕. การทำร้ายกันระหว่างบุคคล เป็นความรุนแรงที่พบมากที่สุด เช่น การทะเลาะเบาะแว้งแล้วทำร้ายกัน ในบางกรณี ๖. เด็กเร่ร่อน เด็กบางคนถูกกระทำความรุ่นแรงจากครอบครัวอาจหนีออกจากบ้านกลายเป็นเด็กเร่ร่อน ๗. อาชญากรรม การกระทำความรุนแรงในสังคมหลายอย่างเป็นอาชญากรรม เช่น การปล้น จี้ ฆ่า ทำร้ายร่างกายกัน การฉุดคร่า ข่มขืน ๘. ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เมื่อเกิดการบาดเจ็บต้องรักษาพยาบาล โดยมีค่าใช้จ่ายบางรายอาจทำงานไม่ได้ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง และ หากเสียชีวิตก็เป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลซึ่งถ้าอยู่ในวัยทำงานมีรายได้ก็ทำหมดโอกาส
ความรักความผูกพัน หลังก่อความรุนแรงฝ่ายชายมักจะขอโอกาสเพื่อกลับตัวและจะไม่ใช้ความรุนแรงอีก ด้วยความรักความผูกพันที่มีให้จึงยอมที่จะทน หวังว่าฝ่ายชายจะปรับปรุงตัว 2. อดทนเพื่อลูก ฝ่ายหญิงมักจะคิดว่าถ้าลูกไม่มีพ่อ ลูกจะมีปมด้อย ขาดความอบอุ่น ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของลูกในอนาคต 3. พยายามรักษาความเป็นครอบครัว ด้วยสภาพสังคมที่ปลูกฝังความเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งต้องประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก ทำให้ผู้หญิงต้องยอมอดทนต่อความรุนแรง 4. คิดว่าความรุนแรงเป็นเรื่องส่วนตัว ค่านิยมที่ว่า ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงอดทนต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น 5.