การกดเงินสดอาจจะไม่ได้เต็มวงเงินเท่าที่เหลืออยู่ใน บัตรเครดิต 2. บางธนาคาร จะกำหนดเอาไว้ว่า ลูกค้าบัตรเครดิตกดเงินสดได้ แต่ไม่เกินวันละ 15, 000 บาท 3.
เผยแพร่: 4 ก. พ. 2562 06:02 โดย: กิตตินันท์ นาคทอง กิตตินันท์ นาคทอง / แม้แคมเปญ "ลดใช้เงินสด ได้รับเงินคืน" ในช่วงเทศกาลตรุษจีน จะมีเสียงตอบรับน้อยกว่าที่คาด แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่จะผลักดันให้ไทยเป็น "สังคมไร้เงินสด" อย่างจริงจัง ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ม. ค. -มิ. ย. 2561) ระบุว่า คนไทยมีบัตรเดบิต 58. 85 ล้านใบ ชำระค่าสินค้าและบริการ ณ จุดขาย เพียงแค่ 1. 8-2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ต่างจาก "บัตรเครดิต" ที่มียอดใช้จ่ายสูง 1. 22-1. 32 แสนล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการ "รูดซื้อสินค้า" ด้วยบัตรเดบิตเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมรายปีที่เสียไปอย่างต่ำ 200 บาทต่อปี แต่เอาไว้ใช้ถอนเงินสดจากเครื่องเอทีเอ็มเป็นหลักเท่านั้น แคมเปญนี้มีชื่อเต็มว่า "มาตรการส่งเสริมการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการและการนำส่งข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์" เห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 18 ธ. 2561 ที่ผ่านมา ประชาชนที่สนใจ จะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และต้องใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต หรือสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอปพลิเคชันธนาคารที่ลงทะเบียน ตามร้านค้าที่ร่วมรายการ ระหว่าง 1-15 ก.
2562 โดยจะได้รับเงินภาษีคืน 5% จากยอดซื้อสินค้าและบริการ (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) สูงสุดไม่เกิน 1, 000 บาทต่อราย หรือคิดเป็นยอดซื้อสินค้าประมาณ 21, 400 บาท ผ่านระบบพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน ในเดือน พ. 2562 กระทรวงการคลังคำนวณแล้ว จะต้องเตรียมเงินคืนภาษีกว่า 9, 240 ล้านบาท โดยได้ตั้งงบประมาณไว้ในปี 2563 เพื่อจัดสรรเงินคืนแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ คาดหวังว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการกว่า 1 แสนราย ปัญหาก็คือ พอเอาเข้าจริง มีประชาชนสนใจลงทะเบียนเพียงแค่ 7 พันคนเท่านั้น! ภายหลังต้องปรับเงื่อนไขการลงทะเบียนบัญชีธนาคาร ที่จะใช้กับคิวอาร์โค้ดหรือบัตรเดบิต จากเดิม 1 คนต่อ 1 บัญชี เปลี่ยนเป็นลงทะเบียนได้สูงสุด 10 บัญชี ถึงได้กระเตื้องขึ้นเป็น 2 หมื่นราย แต่ก็ยังน้อยกว่าเป้าหมาย สุดท้ายจึงต้องปรับแผนอีกรอบ ด้วยการขยายเวลาลงทะเบียนถึง 15 ก. 2562 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของแคมเปญนี้ จากเดิมกำหนดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า 7-31 ม.
18 พ. ค. 2020 ทำไมบางร้านชอบรับเงินสด มากกว่าบัตรเครดิต /โดย ลงทุนแมน เคยเจอไหม เวลาจะจ่ายเงินตอนกินข้าวเสร็จ ถ้าเราจ่ายด้วยบัตรเครดิต จะต้องเสียเงินเพิ่มจากราคาปกติ หรือบางร้านถึงขั้นมีเมนูพิเศษ ที่มีตัวอักษรเล็กๆ ด้านล่างว่า "ราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่จ่ายเงินสดเท่านั้น" ทำไมร้านค้าถึงต้องสร้างความแตกต่างระหว่าง ลูกค้าที่จ่ายเงินสด กับ ลูกค้าที่จ่ายด้วยบัตรเครดิต? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง ╔═══════════╗ ถ้าคุณกำลังอยากได้กีต้าร์โปร่ง แต่ยังไม่มีไอเดียว่าจะซื้อจากไหน ร้าน Cin Guitars จำหน่ายกีต้าร์โปร่งคุณภาพตั้งแต่ระดับเริ่มต้นถึงพรีเมี่ยมไฮเอนด์ สนใจดูรายละเอียดหรือขอคำแนะนำได้ที่ @CinGuitars ╚═══════════╝ เราลองมาดูผู้มีส่วนร่วมในการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตกันก่อน 1. ลูกค้าที่จ่ายเงิน 2. ร้านค้าที่รับเงิน 3. ธนาคารของลูกค้า 4. ธนาคารของร้านค้า 5. ตัวกลางในการตัดเงิน เช่น VISA หรือ Mastercard ผู้มีส่วนร่วมแต่ละคนนั้นมีสัดส่วนผลประโยชน์จากการรูดบัตรไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างของการแบ่งเงิน เมื่อลูกค้าจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตทุกๆ 100 บาท ร้านค้าจะได้รับเงิน 97. 76 บาท ธนาคารของลูกค้าจะได้รับเงิน 1. 80 บาท ธนาคารของร้านค้าจะได้รับเงิน 0.